HMPRO (BUY : Fair Price : Bt13.90) : วางกลยุทธ์ 3S เพื่อหนุน SSSG โต 3%YoY ในปี 2024

Published
06 March 2024
Share this article:

**ประชุมนักวิเคราะห์ออกมาในโทนกลางๆ ผู้บริหารวางกลยุทธ์ 3S เพื่อหนุน SSSG โต 3%YoY ในปี 2024 และยอดขายสาขาใหม่อีกราว 3%-4% ขณะที่การเติบโตของยอดขายสาขาเดิม (SSSG) ช่วง QTD ใน 1Q24 ยังทรงตัว YoY (HomePro +0.5%, Mega Home -3.0%, HomePro Malaysia -0.5%) แม้ว่าจะมีมาตรการ Easy E-Receipt ของรัฐบาลในช่วง 1 ม.ค. 2024 - 15 ก.พ. 2024 ช่วงหนุน SSSG เดือนก.พ. 2024 เป็นบวกราว 1%-2% ทำให้ทั้งเดือน ก.พ. +4%YoY คาดเห็นการฟื้นตัวชัดเจนในช่วง 2H24 จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล เราเชื่อว่าราคาหุ้นที่ปรับตัวลดลง 30% ตั้งแต่ต้นปี2023 สะท้อนปัจจัยลบไปคาดข้างมากแล้ว ขณะที่อุณหภูมิโลกที่มีโอกาสสูงกว่าปีก่อนจะเป็นปัจจัยหนุนในช่วง 2Q24 เราคงคำแนะนำ "ซื้อ" มูลค่าพื้นฐาน 13.90 บาท **

**ประชุมนักวิเคราะห์ออกมาในโทนกลางๆ **

• วางกลยุทธ์ 3S เพื่อหนุนเป้าหมายรายได้เติบโต 7%YoY ในปี 2024

  • Synergized Omnichannel เพิ่มสินค้าให้ครอบคลุมมากขึ้นเป็น 1 แสน SKU เทียบกับปัจจุบันที่ 7 หมื่น SKU หลังเปิด Market place ใน 2Q24

  • Superior Experience สร้างประสบการณ์การใช้สินค้าตลอดอายุการใช้งาน ผ่านโครงการ Trade in

  • Sustainable Innovation เน้นสินค้าที่รักโลก ไม่มีผลกระทบสิ่งแวดล้อม

• ตั้งงบลงทุน 7,000 ล้านบาท โดยใช้กระแสเงินสดที่ทำได้ในแต่ละไตรมาส เพื่อเปิด 7-8 สาขาในปี2024 (+6%YoY) จาก 128 สาขาในปี 2023 แบ่งเป็น HomePro 3-4 สาขา และ Mega Home 4 สาขา (ซึ่ง 3 ใน 4 เป็น Hybrid model ใช้พื้นที่เดิมของสาขา HomePro)

• ตั้งเป้าหมาย SSSG ใกล้เคียง GDP ที่ 3% ขณะที่ยอดขายสาขาเดิม (SSSG) ช่วง QTD ใน 1Q24 ยังทรงตัว YoY (HomePro +0.5%, Mega Home -3.0%, HomePro Malaysia -0.5%)

• SSSG ของ HomePro ยังทรงตัว YoY ผลจากกำลังซื้อที่อ่อนแอแม้ว่าจะได้รับประโยชน์จากมาตรการฐาน E-Receipt ราว 1%-2% ในเดือนก.พ. 2024 จากยอดขายเครื่องใช้ไฟฟ้าที่เติบโต ทำให้เดือน ก.พ. 2024 พลิกเป็นบวก 4% เทียบกับ -3% ในเดือน ม.ค. 2024

• SSSG ของ Mega Home เดือนก.พ. 2024 ที่ -1.5% ดีขั้นจาก -6% ในเดือน ม.ค. 2024 หากไม่รวมผลกระทบจากการยกเลิกการขายเหล็กค้าช่วงที่มีมาร์จิ้นต่ำตั้งแต่กลางปี2023 จะมี SSSG ช่วง QTD ใน 1Q24 จะทรงตัว YoY

• ตั้งเป้าอัตรากำไรขั้นต้น (GPM) เพิ่มขึ้น 20-30 bps ในปี2024 โดยวางแผนเพิ่มสัดส่วนยอดขายจากสินค้า Private brands เป็น 21.0% ทั้ง HomePro (20.9% ในปี2023) และ Mega Home (19.7% ในปี2023)

• ตั้งเป้าคง SG&A-to-sales ratio ให้ทรงตัว YoY จากปี 2023 ที่ 19.6% เนื่องจากต้นทุนของสาขาใหม่ที่เปิดในปี 2023 จะเริ่มเข้าสู่จุดสมดุลมากขึ้น และค่าใช้จ่ายส่วนใหญ่จาก Market place ได้ใช้ไปในปี 2023 แล้ว

คงคำแนะนำ "ซื้อ" มูลค่าหุ้นไม่แพง

มูลค่าพื้นฐาน 13.90 บาท คำนวณด้วยวิธีคิดลดกระแสงินสด (DCF) ด้วย WACC 8.0% และ TG 3% เทียบเท่า 26xPE’24E ใกล้เคียงค่าเฉลี่ยกลุ่มสินค้าตกแต่งบ้านของไทย