KBANK (BUY : Fair Price : Bt152.00) : กำไร 1Q24 แข็งแกร่ง เน้นเติบโตด้วยคุณภาพ

Published
23 April 2024
Share this article:

เราคงคำแนะนำ "ซื้อ" ด้วยมูลค่าพื้นฐานที่ 152 บาท KBANK รายงานกำไรสุทธิใน 1Q24 แข็งแกร่งกว่าคาดที่ 13.5 พันล้านบาท (+25.6% YoY, +43.7% QoQ) ซึ่งเป็นระดับกำไรสุทธิที่สูงสุดในกลุ่มธนาคาร โดยมี NPL ratio ทรงตัวที่ 3.2% และ Coverage ratio ที่ 150.4% อย่างไรก็ดี ยังมีความไม่แน่นอนจากความขัดแย้งในต่างประเทศที่อาจกดดันให้เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวล่าช้า ซึ่งจะเป็นความท้าทายต่อการทำดำเนินธุรกิจในอนาคต นอกจากนี้ การที่ธนาคารตั้งสำรองหนี้ฯ รองรับความไม่แน่นอน และแผนการทำ Balance sheet clean-up จะแล้วเสร็จในปี 2024 ทำให้ค่าใช้จ่ายสำรองหนี้ฯ ลดลงหนุนการกำไรเติบโตต่อเนื่อง 9.1%/8.9% ในปี 2024-25 และ ROE เป็นขาขึ้นต่อเนื่อง ด้าน Valuation ของ KBANK ไม่แพงในมุมของเรา หุ้นซื้อขายที่เพียง 0.5x PBV'24E หรือ -1.2SD ต่อค่าเฉลี่ย 10 ปี

การประชุมนักวิเคราะห์

• KBANK คงประมาณการเศรษฐกิจขยายตัว 2.8% ในปี 2024 หนุนจากการท่องเที่ยวและการส่งออก แต่ความท้าทายมาจากภาคการบริโภคชะลอตัวและความล่าช้าในการเบิกจ่ายงบประมาณ

• ธนาคารตั้งเป้าหมาย ROE เป็น 2 หลักในปี 2026 และให้ความสำคัญต่อการบริหารคุณภาพสินเชื่อ เน้นโตกลุ่มลูกค้าที่มีคุณภาพ และชะลอการขยายตัวในกลุ่มเปาะบาง ที่สำคัญการทำ Balance sheet clean-up จะแล้วเสร็จตามแผนในปี 2024 ส่วนการจัดการขายหนี้เสียและตัดจำหน่ายหนี้สูญในปี 2024 จะลดลง 30% จากปี 2023 ซึ่ง Credit cost ผ่านจุดพีคไปแล้วในปี 2022 และลดลงได้ตามเป้าหมายที่ 175-195 bps ในปี 2024 (รวมผลกระทบหากสินเชื่อให้ ITD ถูกปรับลดชั้นเป็นหนี้เสียในอนาคต จากปัจจุบันเป็น Underperforming loans ) และปรับลดลงที่ 140-160 bps ในปี 2025 ผู้บริหารมองว่า Coverage ratio ที่ 150% เหมาะสม ทั้งนี้ เรามองว่า Credit cost จะทยอยปรับลดลง เพราะมีความไม่แน่นอนจากคุณภาพลูกหนี้ และการจัดการหนี้เสียในอนาคต

• รายได้ค่าธรรมเนียมจากธุรกิจจัดการกองทุนดีขึ้น ซึ่งเรามองว่าส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากที่ KAsset เป็นพันธมิตรกับ JPMAM เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ และบริการ ไปจนถึงนวัตกรรมด้านการลงทุน

• สภาพคล่องอาจตึงตัวมากขึ้นจากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐ ทำให้ต้นทุนการเงินมีแนวโน้มสูงขึ้น และ NIM อาจถูกกดดันได้

คาดการเติบโตของกำไรจะชะลอตัวในปี 2024-25

KBANK ยืนยันตั้งสำรองหนี้ฯ เพียงพอรองรับความไม่แน่นอนในอนาคต กอปรกับแผนการทำ Balance sheet clean-up จะแล้วเสร็จตามแผนในปี 2024 ทำให้ค่าใช้จ่ายสำรองหนี้ฯ ในปี 2024-25 ปรับลดลงจะลดผลกระทบจาก NIM ที่ลดลงจากทิศทางดอกเบี้ยที่คาดว่าจะเป็นขาลงใน 2H24 เราคาดว่ากำไรสุทธิจะเติบโตต่อนื่องที่ 9.1%/8.9% ในปี 2024-25 และ ROE เป็นทิศทางขาขึ้นที่ 8.5%/8.8% ในปี 2024-25

คงคำแนะนำ "ซื้อ" มูลค่าพื้นฐาน 152 บาท

แนะนำ “ซื้อ” จาก (1) การฟื้นตัวต่อเนื่องของกำไรในปี 2024-25 (2) ROE ปรับสูงขึ้น (3) สำรองหนี้ฯ ลดลงหลังจากกระบวนการบริหารคุณภาพสินเชื่อส่วนใหญ่แล้วเสร็จในปี 2024 และ (4) มูลค่าหุ้นน่าดึงดูด ประเมินมูลค่าพื้นฐานที่ 152 บาท คำนวณด้วยวิธี GGM (ROE 8.5%, TG 2%) อิงจาก 0.64x PBV’24E หรือ -1.0SD ต่อค่าเฉลี่ย 10 ปี