ORI (BUY : Fair Price : Bt 8.55) : กำไร 2024 ฟื้นตัว

Published
05 March 2024
Share this article:

เรายังคงให้คำแนะนำ “ซื้อ” มูลค่าพื้นฐาน 8.55 บาท อิง 7.0x PE’24 ถึงแม้ว่ารายงานกำไรสุทธิประจำปี 2023 จะต่ำกว่าที่เราและตลาดคาด รายงานอยู่ที่ 2.7 พันล้านบาท (-28% YoY) เนื่องจาก 1) ยอดรับรู้รายได้ที่ชะลอตัว 2) ต้นทุนค่าบริหารที่สูงขึ้น และ 3) การบันทึกรายการพิเศษหลายรายการ โดยในปี 2024 ด้วยยอดสินค้าคงคลังที่สูง ORI จึงมีแผนลดยอดการเปิดโครงการใหม่ เพื่อเร่งระบายสินค้าคงคลังเป็นหลัก เราคาดว่าผลการดำเนินงานใน 1H24 จะมีปัจจัยกดดัน แต่จะดีขึ้นใน 2H24 จากสินค้าพร้อมโอนที่มากขึ้น แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยลดลง และมาตราการกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ ดังนั้นเรามองว่า ORI ยังน่าสนใจด้วย 1) ราคาที่น่าดึงดูด เทรดอยู่ที่ PE 5.6x 2) ปันผลที่สูงเมื่อเทียบกับตลาดอยู่ที่ 8.0% และ 3) ผลประกอบการคาดฟื้นตัวจากฐานที่ต่ำในปี 2023

**กำไร 4Q23 ต่ำกว่าที่เราและตลาดคาด **

• ประกาศกำไรสุทธิ 4Q23 ที่ 47 ล้านบาท ต่ำกว่าที่เราและตลาดคาดไว้ ฉุดให้กำไรประจำปี 2023 ลดเหลือเพียง 2.7 พันล้านบาท (-28% YoY) สาเหตุหลักเกิดจากค่าใช้จ่ายในการขาย และบริหารที่สูงขึ้นอยู่ที่ 1.1 พันล้านบาท (+42% YoY, +34% QoQ) โดย 1) จำนวนพนักงานสำหรับธุรกิจโรงแรม และการบริหารโครงการที่มากขึ้น และ 2) ค่าใช้จ่ายทางการตลาดที่มากเป็นปกติในช่วงปลายปี

• ยอดรายได้ที่ชะลอตัวในปี 2023 อยู่ที่ 1.39 หมื่นล้านบาท (-3.7% YoY) และ 4Q23 อยู่ที่ 2.2 พันล้านบาท (-42.6% YoY) เป็นผลมาจากยอดปฏิเสธสินเชื่อธนาคารที่มากขึ้น (สำหรับโครงการพร้อมอยู่ RTM อยู่ที่ 10% และโครงการแนวราบกว่า 45%)

• มีการบันทึกรายการพิเศษ ได้แก่ 1) ยอดบันทึกสำรองค่าธรรมเนียม JV ล่วงหน้าใน 3Q23 ที่ถูกหักลบออกไปใน 4Q23 มูลค่า 276 ล้านบาท และ 2) การกลับรายการโรงการแนวราบ BRI ทำให้อัตรากำไรต่ำกว่าที่ได้มีการระบุไว้ ส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้น 4Q23 ถูกฉุดลงมาอยู่ที่ 35%

ปี 2024 จะมีความท้าทาย แต่กำไรยังเติบโต

• ปัจจุบัน ORI มียอดสินค้าคงคลังสูง จากการชะลอตัวของอุปสงค์ใน 2H23 ทำให้ในปี 2024 มีแผนเปิดตัวโครงการที่น้อยลง มูลค่าเพียง 3.7 หมื่นล้านบาท (-19.4% YoY) เพื่อเร่งระบายสินค้าคงค้างออก หนุนให้มีสภาพคล่อง และลดภาระค่าใช้จ่ายการดูแลโครงการเหลือขาย

• ONEO มีเลื่อนเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนออกไปในปี 2025 และจะมีการนำธุรกิจ ALPHA (ร่วมกับ JWD) เข้ากอง REIT ในปี 2024 แทน

• เรามองว่าปี 2024 ยังมีโอกาสเติบโต จากฐานที่ต่ำในปี 2023 หนุนจาก 1) โครงการพร้อมอยู่รอรับรู้รายได้ที่สูง 2) แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยลดลง คลายแรงกดดดันสินเชื่อธนาคารใน 2H24 และ 3) การเติบโตของสัดส่วนรายได้ประจำในธุรกิจโรงแรมและบริการ

ปรับประมาณการมูลค่าหุ้นลง แต่ยังคงคำแนะนำ “ซื้อ”

• มูลค่าพื้นฐาน 8.55 บาท จาก 10.75 บาท (-21%) ปรับลดประมาณการเพื่อสะท้อนถึงปัจจัยกดดัน และมุมมองที่อนุรักษณ์นิยมมากขึ้นหนุนโดย 1) ความเสี่ยงจากสินค้าคงคลังเหลือขายที่มาก 2) ภาระหนี้สินที่สูง อาจกระทบต่อสภาพคล่อง และ 3) การชะลอตัวของเศรษฐกิจ และอัตราดอกเบี้ยที่คาดยังไม่ลดใน 1H24 คำนวนด้วยวิธีคิดลดเงินปันผล (GGM) ด้วย COE 9.9% และ TG 3.5% เทียบเท่า 7.0x PE’24E ใกล้เคียงค่าเฉลี่ยกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อที่อยู่อาศัย

• ประกาศจ่ายปันผลปี 2023 เป็นเงินสด 0.3 บาทต่อหุ้น โดยวันที่ขึ้น XD คือ 8 พ.ค. 2024 และวันที่จ่ายปันผลคือ 23 พ.ค. 2024