TTB (BUY : Fair Price : Bt1.98) : เติบโตโดดเด่น และเงินปันผลสูง

Published
22 April 2024
Share this article:

**เราคงคำแนะนำ "ซื้อ" ด้วยมูลค่าพื้นฐาน 1.98 บาท เราชอบ TTB ที่เป็นหุ้นเติบโตและจ่ายเงินปันผลสูงในกลุ่มธนาคาร (1) ความสามารถการทำกำไรสูงขึ้น โดยคาดว่ากำไรสุทธิปี 2024 จะเติบโต 14% YoY โดดเด่นที่สุดในกลุ่มธนาคาร (2) งบดุลแข็งแกร่งจากกลยุทธ์การตั้งรับทำให้สำรองหนี้ฯ ปรับลดลงจะลดทอนผลกระทบจากต้นทุนการเงินที่จะเร่งตัวขึ้นในปี 2024 และ (3) แม้ราคาหุ้นปรับขึ้นโดดเด่น 7% YTD แต่ราคาหุ้นยังไม่แพงซื้อขายที่ราว 0.7x PBV’24E และมีอัตราผลตอบแทนเงินปันผลสูงที่ 6.7% ในปี 2024 สำหรับใน 1Q24 กำไรสุทธิแข็งแกร่งตามคาดที่ 5.3 พันล้านบาท (+24.2% YoY, +9.6% QoQ) คุณภาพสินเชื่อทรงตัว โดยมี NPL ratio ที่ 2.6% และ Coverage ratio สูงที่ 155.4% **

การประชุมนักวิเคราะห์

• ผลการดำเนินงานใน 1Q24 ที่ออกมาเป็นไปตามเป้าหมายการเงินปี 2024 ที่เน้นกลยุทธ์ตั้งรับควบคุมค่าใช้จ่าย ดูแลคุณภาพสินเชื่อ และชะลอการขยายงบดุล เรามองว่าผลการดำเนินงานใน 2Q-4Q24 ยังเติบโต YoY แข็งแกร่ง

• NIM ใน 2Q มีแนวโน้มทรงตัว หรือลดลงในระดับชะลอลงเทียบกับใน 1Q24 (-16 bps QoQ) จากการลดค่าใช้จ่ายเงินฝากที่มีต้นทุนสูงออกไป โดย TTB มองว่าการแข่งขันในตลาดเงินฝากยังไม่สูง นอกจากนี้ การปรับลดอัตราดอกเบี้ยในประเทศอาจจะช้าลงทำให้แรงกดดันต่อ NIM ลดลงตามมา

• TTB เน้นการดูแลคุณภาพสินเชื่อทำให้เร่งการตัดจำหน่ายหนี้สูญในกลุ่มเปาะบาง และกลุ่มไม่มีหลักประกัน นอกจากนี้ TTB มีพอร์ตสินเชื่อรถยนต์ไฟฟ้า (EV) และสินเชื่อ Floor plan ที่ให้ดีลเลอร์รถยนต์มือสองไม่มากทำให้ Credit cost อยู่ในระดับควบคุมได้ และแนวโน้มลดลงเทียบกับใน 1Q24

• ด้วยเงินกองทุนแข็งแกร่ง TTB อาจปรับเพิ่ม Dividend payout ratio สูงขึ้นในปี 2024 จาก 55% ในปี 2023 เรามองว่ามีโอกาสที่ TTB จะให้ผลตอบแทนเงินปันผลสูงกว่าคาดที่ 6.7% ในปี 2024

การเติบโตของกำไรปี 2024 โดดเด่นที่สุดในกลุ่มธนาคาร

• TTB เน้นขยายลูกค้าที่มีคุณภาพเพื่อลดความเสี่ยงหนี้เสีย และสร้างการเติบโตจากการเพิ่มประสิทธิภาพด้วยการพัฒนาระบบดิจิตอลเพื่อลดต้นทุนการให้บริการ นอกจากนี้ TTB จะสามารถใช้ประโยชน์ภาษีคงเหลือ 15.5 หมื่นล้านบาท ซึ่งเราคาดว่า TTB ไม่มีค่าใช้จ่ายภาษีไปจนถึงปี 2026 และเริ่มกลับมาจ่ายภาษีบางส่วนในปี 2027

• แม้ TTB ไม่เน้นการเติบโตสินเชื่อ และ NIM ถูกกดดันมากขึ้นจากต้นทุนการเงินที่เร่งตัวขึ้นในปี 2024 แต่จากการควบคุมคุณภาพสินเชื่อ และการตั้งสำรองหนี้ฯ พิเศษใน 4Q23 ทำให้ค่าใช้จ่ายสำรองหนี้ฯ ปี 2024 ปรับลดลง ซึ่งจะเป็นปัจจัยหลักหนุนกำไรสุทธิขยายตัวต่อเนื่อง 14% ในปี 2024 โดดเด่นที่สุดในกลุ่มธนาคาร

คงคำแนะนำ "ซื้อ" ด้วยมูลค่าพื้นฐาน 1.98 บาท

แนะนำ “ซื้อ” เนื่องจาก (1) ความสามารถการทำกำไรที่สูงขึ้น (2) งบดุลแข็งแกร่ง ควบคุมคุณภาพสินเชื่อที่ดี และการเพิ่มความแข็งแกร่งจากการตั้งสำรองหนี้ฯ พิเศษในปี 2023 (3) อัตราผลตอบแทนการลงทุนยังสูง และราคาหุ้นยังไม่แพง หุ้นซื้อขายที่ราว 0.7x PBV’24E มูลค่าพื้นฐานของเราคำนวณด้วยวิธี GGM (ROE 9%, TG 2%) อิงจาก 0.8x PBV’24E หรือ -0.5SD ต่อค่าเฉลี่ย 10 ปี